August 14, 2007

ศิริประสุประตินาถ

ศิริประสุประตินาถ

ข้าได้พบเห็นหนังสือแผ่นนี้โดยบังเอิญ เมื่ออ่านดูแล้วความเลื่อมใสศรัทธาจึงได้พิมพ์แจกเป็นกุศลซึ้งในใจความในหนังสือมีอยู่ว่า วันหนึ่งในโบสถ์ของวัดศิริประสุประตินาถ ได้มีหลวงพ่อองค์หนึ่งได้นั่งสวดมนต์อยู่ในโบสถ์ของวัด เวลานั้นได้มีงูตัวหนึ่งเลื่อยออกจากหน้าพระพุทธรูปในโบสถ์ หลวงพ่อเมื่อได้เห็นก็เกิดอาการกลัว หลังจากนั้นงูก็กลายเป็นมนุษย์ในรูปของพระพราหมณ์แล้วก็พูดกับหลวงพ่อว่า เจ้าไม่ต้องกลัวและตกใจเจ้าจงฟังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคือพญานาคราชได้มาจุดติ ณ วัดแห่งหนึ่ง เพื่อบำบัดปัดป่าความชั่วร้ายและคนทำบาป คนที่ทำกรรมไว้มากจะได้พินาศตายไปจากโลกนี้ และเจ้าจงประกาศให้ทุกคนได้รู้ ว่าผู้ใดนำเรื่องของข้าพเจ้าไปพิมพ์แจก 1000 ใบ ภายใน 15 - 30 วัน ผู้นั้นจะมีโชคลาภมีความสุขความเจริญ คิดสิ่งใดก็สมปรารถนาทุกประการ และผู้ใดรู้ได้อ่าน อย่าคิดว่าเป็นการหลอกลวงหรือไม่เชื่อ และผู้คิดจะพิมพ์แจกใน 15 - 30 วัน หรือแจกต่อ ๆ กันไป (เก็บไว้สวดมนต์เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว) หลังจากนั้นหลวงพ่อองค์นั้นได้พิมพ์แจก 1000 ใบ หลังจากนั้น 3 - 4 วันท่านก็สำเร็จวิชาต่างๆ และคมโกปิกะปะสาคุปหาได้พิมพ์แจก 1000 ใบ เขาก็ได้เงินทองจากผู้ที่หยิบยืมคืนมา และอีกรายหนึ่งได้พิมพ์แจก 560 ใบ รายนี้เป็นชาวนา วันหนึ่งไปไถนาได้พบไหใบหนึ่งมีเงินทองเต็มไปหมด ส่วนอีกรายหนึ่งพิมพ์แจก 100 ใบ เขาก็ถูกล๊อตเตอรี่ 1 ล้านบาท อีกคนหนึ่งเป็นคนถีบสามล้อก็พิมพ์แจก 650 ใบ เขาก็เจอแจกันทองอีกคนหนึ่งเป็นคนตกงาน ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ พอเขาพิมพ์แจก 3 - 4 วัน เขาก็หางานทำได้เป็นงานที่ดี และอีกรายหนึ่งได้อ่านแล้วไม่เชื่อ แกจึงทิ้ง หลังจากนั้น 1- 2 วัน ลูกชายของเขาก็ตาย และอีกรายหนึ่งคิดจะพิมพ์ แต่ผัดวันประกันพรุ่งจนเลยกำหนด ผู้นั้นเป็นพ่อค้าทำการค้าขาดทุน และพ่อเขาก็ต้องมาตายไปอีกด้วย และอีกรายหนึ่งก็พิมพ์แจก 1000 ใบ ไม่กี่วันเขาก็มีเงินแบบน่าเชื่อ อยู่ก็มีขึ้นมาเอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาในโบสถ์วัดศิริประสุประตินาถนี้ต้องเชื่อด้วยความสัตย์จริง และศรัทธา อ่านแล้วต้องพิมพ์แจก อ่านแล้วอย่าฉีกทิ้งให้แจกต่อ ๆ กันไปด้วยความศรัทธา และเชื่อถือก็จะเป็นผลดีกับท่าน

สุภาษิตอีสาน

ฟังเอาถ่อนคำสอนโลกใหม่ไผยับบ่ฮู้เขิงแก้วสิฮอนคนฟังเอาเด้อพี่น้องเผิ่นสิฮ่อนหาคนดีไผผู้มีศีลธรรมอยู่เขิงคาค้าง ไผเดินทางผิดเส้นทำตัวเป็นคนชั่ว มักสิลอดกระด้งบ่มีค้างแผ่นเขิง เขิงแผ่นนี้ได้ชื่อว่าเขิงคำ เป็นคำสอนพระพุธโธเฮาตั้ง เผิ่นได้วางเอาไว้โพธิ์สีห่มใหญ่สิเอาคนอยู่ซ้นโพธิ์ กว้างสิอยู่เย็น โพธิ์นี้บ่ได้ปลูกตามดินเป็นโพธิ์ศีลโพธิ์ธรรมหว่านมาแต่เมืองฟ้า เว้าเรื่องธรรมคงสู้ครูเฮาสอนสั่งคำพระสงค์เจ้าโบราณเฒ่าว่ามา พระศรีอาริยะเผิ่นโพธิ์ศรีสามห่ม เอาคนเข้าอยู่ซ้นโพธิ์กว้างสิอยู่เย็นนี่หากแม่นคำสอนบ่อนพระองค์นำทางชี้ เอาว่าโพธิ์ศรีสามต้นคนเอาสีได้เพิ่งตกมาฮอดเคิ่งข่อนตอนท้ายศาสนา พระศรีอารย์เผิ่นสิลงมาค้าเอาคนผู้ประเสริฐเลือกแต่ผู้ล่ำเลิศ กระทำสร้างแต่สิ่งดี อันว่าเรื่องปล้นจี้เรื่องโหดสามาลย์ ยมบาลมาจับเอาสู้อเวจีกว้าง ให้ทำดีเอาไว้เพื่อเอาคนเข้าห่มมนุษย์สาโลกกว้างคนสิล้มท่าวตาย เผิ่นสิมาเรียกไว้สามห่มโพธิ์ศรีให้พอดีกับเขิงแก้ว มันมาเถิงคาวแล้วคนเฮาอย่านอนอยู่ ให้พากันตื่นถ่อนอย่านอนนิ่งสิเพิ่งไผ เดี่ยวนี้แสงธรรมเจ้าองค์พุธโธกำลังส่องมองไปใสกะเจิดจ้าแสงทองเจ้าส่องมา หวังให้โลกนี้กว้างปวงชนประชาโลกพ้นจากมือมารหมู่อ้ายใจเจ้าสิอยู่เย็นอย่างพากันเกียจคร้านเด้อท่านผู้ถือศีล ถ้าไปกินนำพระผู้เผิ่นมีบุญล้นไผผู้ทนเอาไว้มีมั่นเที่ยงกะสิเถิงแห่งพ้องวิมานกว้างอยู่เย็น ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนต่ออนิจจังวะตะสังขาราบ่เที่ยงตรงเด้อฟ้าให้ทำดีเอาไว้เอาตนเข้าห่มพากันเข้าทางสิเข้าร่มโพธิ์ อย่าทำตนเป็นคนโก้หากินนำคนโง่ อู้ว่าโง่อยู่แล้วอย่าไปซ้ำตื่ม แถมกรรมสิแนมนำก้นบ่ทันคนสิเห็นดอก ไผผู้ทำชั่วช้ากรรมอ้ายหากสิเห็น มันสิลอดกระด้งบ่ค้างว่างตาเขิง อย่าพากันเลวทรามให้จื่อจำเอาไว้หากคำสอนเจ้าองค์พุธโธสอนสั่งขอให้ไทพี่น้องฟังแล้วสิจื่อจังสิเห็นทางเข้าโพธิ์ศรีสามห่มสู่อันมีทางลมภัยน้ำทั้งสามสิไหวหวั่นแฮ่งสิมาตื่มซ้ำทำให้หมุ่นละลาย คนสิตายไปพร้อมนา ๆ นับบ่ค่วยกัน ปีกุนผ่านเข้าไปแล้วสิแพ่วขึ้นกว่าแต่หลัง ไผผู้ยังเหลือค้างสิเห็นทางบุญบาป นอกจากกรรมหมู่อ้ายเจ้าสิชื่นบานอย่าพากันขี้เกียจให้ตั้งต่อศีลธรรม จังสิมีอันสงบอยู่สบายหายฮ้อน องค์พระธรรมเจ้าสิลงมาครอง โลกหากสิเห็นเที่ยงแท้ผู้ทำสร้างบุญทันนั้นพระองค์เนาอยู่เมืองใหญ่กรุงศรีปัจจุบันอยู่เมืองล้านช้างเพิ่นสิมาถึงแท้เดือนสิบเอ็ดมื้อแปดค่ำ พ.ศ. สองพันห้าร้อย ปีกุลแท้แน่นอน พ.ศ. ล่วงมาถึงห้าโลกากว้างเมืองหลวงสิฮ้อนแฮ่ง มนุษย์สิประสบเดือนฮ้อนทางสิพ้นบ่มี คันไผทำชั่วช้าเมืองฟ้าสิบ่เห็นมีแต่จมลงพื่นอเวจีกว้างใหญ่ท่านพระศรีเพิ่นสิกดบ่ได้อันนี้หากมีในห้องครองธรรม โลกใบนี้เป็นโลกไหม้ภัยมหันต์ศาสนาสองพันบ่วงมาถึงแล้วคนเขาแซว ๆ เว้าโลกาบ่เก่าบางผองเจ็บป่วยไข้ตามเกินวันเกินขนาดโรคประหลาดก็มาใหม่เรื่อยหายาแก้ก็บ่ทัน อัศจรรย์นอฟ้าโลกามันเปลียนบ่เคยเห็นกะซางพ้อน้อเจ้าจังแม่นกรรม อันว่าทางฟ้าฝนโลกาบ่คือเก่าคันว่าตากกะหากตกมากหล่นจนถ่วมทั่วแดน คันว่าแล้งกะจนแผ่นดินแดง คันว่าหนาวกะหนาวพาโลต่างหลังเหลือล้น คนเขาแซว ๆ เข้าเป็นไปหมดทุกอย่างภัยพิบัติต่าง ๆกระหากเกิดขึ้นตายได้ง่ายพระเจ้ากล่าวขอให้ชาวพี่น้องฟังแล้วให้จื่อเอาท่านเอย

สำนักสงฆ์ศิลาอาสน์ อ.เมือง จังหวัดชัยภูมิ



ประวัติพระเจ้าองค์ตื้อ

เขาภูพระ ตำบลนาเสียว อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ เนื่องด้วยกรมศิลปากรได้ประกาศทะเบียนโบราณวัตถุสถาน ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2478 เป็นต้นมา ภายหลังได้กำหนดขอบเขตที่ดินเป็นเขตโบราณสถานตามที่เห็นสมควรว้ด้วย เพื่อป้องกันมิให้ทำลายโบราณสถาน ที่ขึ้นทะเบียนในจังหวัดต่าง ๆ คือ
ที่ตั้ง เลขที่ 2 ภูพระ ตำบลนาเสียว อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 53 ตอนที่ 24 วันที่ 2 สิงหาคม 2479 พระพุทธรูปปางมารวิชัย จำหลักที่ผนังหินบนเนินเขาองค์หนึ่ง หน้าตักกว้าง 4 ศอก เรียกกันว่า "พระเจ้าองค์ตื้อ"
ภูพระเป็นชื่อภูเขาเตี้ย ๆ ลูกหนึ่งอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 12 ก.ม. ที่ผนังภูพระจำหลักเป็นพระพุทธรูปใหญ่องค์หนึ่ง นั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ขวาวางอยู่ที่พระเพลา พระหัตถ์ซ้างวางพาดอยู่ที่พระชงฆ์ หน้าตักกว้าง 5 ฟุต สูง 7 ฟุต เรียกว่า "พระเจ้าองค์ตื้อ" และรอบ ๆ พระพุทธรูปองค์นี้มีรอยแกะหินเป็นรูปพระสาวกอีกหลายองค์ สันนิษฐานว่าอาจจะสร้างในสมัยรุ่นราวคราวเดียวกับปรางค์กู่ก็เป็นได้ พระพุทธรูปเหล่านี้มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปแบบอู่ทอง มีอายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18 ถึง 19 (ราว พ.ศ. 1701 - พ.ศ. 1900)



พระเจ้าองค์ตื้อ

ทางราชการจังหวัดชัยภูมิสอบถามคนรุ่นเก่าซึ่งรับรู้เรื่องราวสืบต่อ ๆ กันมานับเป็นร้อย ๆ ปีว่า มีผู้พบพระเจ้าองค์ตื้ออยู่ในป่าที่เขาแห่งหนึ่งจึงมีผู้ตั้งชื่อเขานี้ว่า "เขาภูพระ" ทุก ๆ ปีจะมีผู้ไปไหว้พระเจ้าองค์ตื้อในกลางเดือนห้าเป็นจำนวนมาก มีทั้งคนต่างจังหวัดด้วย เนื่องจากผู้เลื่อมใสว่าหมอรักษาเป็นหมอลำให้การรักษาคนป่วยขอให้หาย โดยบนบานต่อพระเจ้าองค์ตื้อก็ได้สมปรารถนาซึ่งมีข้าราชการผู้ใหญ่ในปัจจุบันก็เป็นลูกที่ขอจากองค์ท่าน
ในปี พ.ศ. 2483 พระวิบูลนิโรธกิจ อดีตเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ (พระครูจรูญนิโรธเจ้าคณะจังหวัดขณะนั้น) ได้ขอตั้งเป็นสำนักสงฆ์ชื่อ ศิลาอาสน์ และแผ้วถางบริเวณให้เตียน ในปีถัดไปได้สร้างเป็นกุฏิ มีพระภิกษุอยู่ประจำมาตลอดจนทุกวันนี้
การจัดงานประจำปีมีผู้ไปช่วยทั้งฝ่ายบรรพชิตและฝ่ายคฤหัสถ์เป็นประจำมาจนถึงพระครูวิบูลเขมวัตร เป็นเจ้าอาวาสประมาณ พ.ศ. 2498 - 2505 ได้มีการตั้งกรรมการจัดงานประจำปีมีรายได้สุทธินำมาทำกำแพงฉาบหินกับซีเมนต์ไม่มีโครงเหล็กทั้ง 4 ด้าน ๆ ละ 13 เมตร ล้อมองค์พระอยู่ตรงกลางซึ่งมีระดับหินต่ำกว่ากำแพงที่ทำ (ได้รื้อกำแพงเพื่อทำการก่อสร้างใหม่)
พ.ศ. 2505 เริ่มตั้งแต่เข้าปุริมพรรษา มีพระวชิรญาณ (วิเชียร สาคะริชานนท์) ซึ่งอุปสมบทที่วัดชัยประสิทธิ์ หลังจากพระราชทานเพลิงศพ หลวงจงวิชาเชิด โยมบิดามาจำพรรษาตามที่พูดไว้จัดผ้าป่าเดือนพฤศจิกายน 2505 มีญาติโยมมาทอดผ้าป่าได้เงิน 10,000 บาทเศษ ได้ล้อมรั้ววัดซึ่งเดิมไม่มีอาณาเขต ชาวบ้านทำไร่รุกเข้าไปจนถึงเชิงเขา ได้ขยายอาณาเขตออกไปถึง 196 ไร่ ได้ล้อมเสร็จ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2506 ก่อนลาสิกขาบท



พระพุทธรูปแกะสลักหินอยู่ใกล้พระเจ้าองค์ตื้อ

เมื่อปี พ.ศ. 2515 พระราชชัยมุนี (พระวีรชัยมุนี) ได้ปรึกษากับคณะกรรมการที่ท่านตั้งเพื่อพิจารณาสร้างศาลาจตุรมุขฯ เพราะมีเงินอยู่แล้ว 100,000 บาทเศษ จึงทำเรื่องขอแบบแปลนไปยังกรมศิลปากร กรมศิลปากรได้เขียนแบบแปลนส่งมาให้คณะกรรมการมีมติให้ทำการสร้างศาลา (วิหาร) ดังกล่าว
วันที่ 7 เมษายน 2516 นายสำราญ บุษปวนิช อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้เป็นผู้วางศิลาฤกษ์และขอรับงานบูรณะก่อสร้างศาลาจตุรมุขพระเจ้าองค์ตื้อเป็นทางราชการคณะกรรมการได้ทำการก่อสร้างมาแต่บัดนั้น
วันที่ 11 ธันวาคม 2516 นายอนันต์ อนันตกูล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งกรรมการก่อสร้างศาลาจตุรมุข (วิหาร) พระเจ้าองค์ตื้อ 29 ท่าน ให้ดำเนินการหาเงิน และควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามเจตนาของชาวชัยภูมิ ท่านได้เร่งรัดเส้นทางไปยังเขาภูพระซึ่งมีพระเจ้าองค์ตื้อเป็นปูชนียวัตถุ คือ ทางเข้าบ้านนาเสียวไปภูพระเลยไปบ้านนาไก่เซา และท่านได้หาเงินมาให้ก่อสร้าง 50,000 บาทเศษ
เมื่อนายเจริญศุข ศิลาพันธ์ มอบหน้าที่ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิก็ดำเนินการเรื่องนี้ต่อจากท่านอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้หาเงินมาสมทบสร้างศาลาจตุรมุขฯ มากกว่า 30,000 บาท ได้แต่งตั้งจาก ข้าราชการ พ่อค้า คหบดี และผู้ที่คนทั่วไปให้ความนับถือเป็นกรรมการหาเงินก่อสร้างศาลา (วิหาร) จตุรมุขพระเจ้าองค์ตื้อ 88 คน เพื่อเร่งรัดการก่อสร้างสำเร็จ วันที่ 12 พ.ศ. 2520



หลวงปู่ จิรชัย ฉันทธัมโม เจ้าอาวาส


คณะผู้จัดทำแผ่นพับเผยแพร่
นายสุวรรณ รัฐกุล
นางจรรยา วัชรพิบูลย์
นายประจักษ์ เหล่าวรรธนะกูล
นายอุทัย ดำวิสัย
นายอดิศร จำลองเพ็ชร

May 14, 2007

"...ทุกอย่างมีหนทางแก้ไข..."


หลวงพ่อเล่าให้ ฟังว่า..
ท่านเล่าว่าที่วัดป่าชิคาโก มีพระพุทธรูปอยู่องค์นึง..
ปางปฐมเทศนาหรือปางแสดง ธรรมจักร
(เราคิดว่าเป็นปางนี้ เพราะแม่บอกว่าเป็นปางที่ท่านทำมือจีบๆ)
หลวงพ่อท่านเล่าว่า..
มีเด็กฝรั่งคนนึงมาที่วัดกับแม่ เค้า ตอนเดินผ่านพระพุทธรูปองค์นี้..
เค้าก็สะกิดๆแม่เค้าแล้วก็บอกว่า..

"Look mom, Buddha says everything is okay.."

เราฟังแล้วขำกลิ้ง เลย..
เด็กอะไร เข้าใจคิดจริงๆ :
หลวงพ่อบอกว่า เออ หลวงพ่อก็เห็นพระพุทธรูปองค์นี้มาตั้งนาน แล้ว เดินผ่านอยู่ทุกวัน
ไม่ เห็นเคยมองมุมนั้นมาก่อนเลย :
ท่านบอกว่า หลังจากนั้น เดินผ่านพระพุทธรูปองค์นี้ทีไร ก็จะนึกขึ้นมาทุกทีว่า...
พระพุทธรูปท่านว่า Everything is okay...